flure- ยื้อ

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กฎของเมล็ดพันธุ์ (The Apple Tree )


กฎของเมล็ดพันธุ์ (The Apple Tree )
Take a good look at an apple tree. มองดูต้นแอ๊บเปิ้ลต้นหนึ่งให้ดี There might be five hundred apples on the tree, each with ten seeds. That’s a lot of seeds! มันอาจจะมีผลแอ๊บเปิ้ลอยู่ 500 ผล แต่ละผล มีเมล็ดพันธุ์อยู่ 10 เมล็ด มันจึงเมล็ดพันธุ์จำนวนมากมาย We might ask, “Why would you need so many seeds to grow just a few more trees?” เราอาจจะถามว่า “ทำไมคุณถึงต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากมายเพื่อที่จะปลูกต้นแอ๊บเปิ้ลเพียงไม่กี่ต้น Nature has something to teach us here. It’s telling us: “Most seeds never grow. ธรรมชาติมักจะบอกอะไรเราบางอย่าง.. มันกำลังบอกเราว่า “มีเมล็ดพันธุ์จำนวนมาก ไม่ได้เจริญงอกงาม” So if you really want to make something happen, you had better try more than once.” ฉะนั้น ถ้าคุณปรารถนาจะให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น คุณน่าจะลองทำสิ่งนั้นมากกว่าแค่ 1 ครั้ง This might mean: นี่อาจจะหมายถึง You’ll attend twenty interviews to get one job. คุณอาจจะต้องสอบสัมภาษณ์ถึง 20 ครั้งเพื่อจะให้ได้งานสักงานหนึ่ง You’ll interview forty people to find one good employee. คุณอาจจะต้องสัมภาษณ์คน 40 คนเพื่อที่จะได้ลูกจ้างดี ๆ สักคนYou’ll talk to fifty people to sell one house, car, vacuum cleanner, insurance policy, idea...... คุณอาจจะต้องพูดกับคน 50 คนเพื่อจะได้ขายบ้านหนึ่งหลัง, รถยนต์, เครื่องดูดฝุ่น, กรมธรรม์ประกัน หรือไอเดีย And you might meet a hundred acquaintances to find one special friend. และคุณอาจจะได้พบปะคนเป็นร้อยเป็นร้อยเพื่อที่จะเจอเพื่อนดี ๆ สักคน When we understand the “Law of the Seed”, we don’t! get so disappointed. เมื่อเราเข้าใจ "กฎของเมล็ดพันธุ์" เราก็จะไม่ต้องมาคอยผิดหวัง We stop feeling like victims. Laws of nature are not things to take personally. We just need to understand them - and work with them. เราจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นเหยื่อ กฎของธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาใช้ได้เองตรงๆ เราเพียงแค่ต้อง เข้าใจและลองค่อย ๆ ปฏิบัติดู IN A NUTSHELL สั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ Successful people fail more often. They plant more seeds. ผู้คนที่ประสบความสำเร็จก็ล้มเหลวได้บ่อย แต่พวกเค้าก็ใช้เมล็ดพันธุ์มากกว่า (ถึงจะประสบความสำเร็จ) When Things Are Beyond Your Control here’s a recipe for permanent misery…....... เวลาอะไร ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด… สูตรสำเร็จของคนที่ไร้ซึ่งความสุขก็คือ a) Decide how you think the world SHOULD be. 1) ตัดสินว่า โลกมันควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ b) Make rules for how everyone SHOULD behave. 2) ตั้งกฎเกณฑ์ว่าผู้คนควรจะทำตัวยังไง Then, when the world doesn’t obey your rules, get angry! That’s what miserable people do! และ.. เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นไปตามกฎของคุณ… ก็โกรธซะ !! นั่นแหละ คือสิ่งที่คนไร้ความสุขเค้าทำกัน Let’s say you expect that: เอาเป็นว่า ถ้าคุณคาดหวังว่า Friends SHOULD return favours. เพื่อน ควรจะตอบแทนอะไรคุณบ้าง People SHOULD appreciate you. ผู้คนควรจะชื่นชมคุณ Planes SHOULD arrive on time. เครื่องบิน น่าจะลงตรงเวลา Everyone SHOULD be honest. ทุก ๆ คนควรจะซื่อสัตย์ Your husband SHOULD remember your birthday. สามี (แฟน) ควรจะจำวันเกิดคุณได้ These expectations may sound reasonable. ความคิดพวกนี้ ฟังดูเหมือนมีเหตุผล But often, these things won’t happen! So you end up frustrated and disappointed. แต่บ่อยครั้ง สิ่งพวกนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น และ มันก็จบลงที่.. คุณรู้สึกรำคาญใจและผิดหวัง There’s a better strategy. Have less demands. Instead, have preferences! มันมีหลักเกณฑ์ที่ดีกว่านี้ ลดความต้องการให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นความชอบแทน For things that are beyond your control, tell yourself: สำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เกินคาด ก็บอกตัวเองว่า ”I WOULD PREFER AN “A”, BUT IF “B” HAPPENS, IT’S OK TOO!” เราอยากจะให้เป็น เอ มากกว่า แต่ถ้าเป็น บี … ก็โอเค ได้เหมือนกัน This is really a game that you play in your head. It is a shift in attitude, and it gives you more peace of mind ... มันเป็นแค่เกมของความคิดในหัว คือเปลี่ยนอุดมการณ์ มันจะทำให้จิตใจคุณสุขสงบขึ้น You prefer that people are polite ... but when they are rude, it doesn’t ruin your day. You prefer sunshine ... but rain is ok! คุณอยากให้ผู้คนสุภาพ แต่ถ้าเค้าเกิดหยาบคายขึ้นมา.. มันก็ไม่ได้บ่อนทำลายวันของคุณ คุณอาจจะอยากให้ท้องฟ้าสดใส แต่ถ้าฝนเกิดตก.. ก็โอเค To become happier, we either need to ถ้าอยากจะมีความสุขมากขึ้น เราก็เลือกที่ a) change the world, or เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ หรือ b) change our thinking. It is easier to change our thinking! เปลี่ยนแปลงความ คิดเราเอง เปลี่ยนความคิดของเราเอง ง่ายกว่านะ IN A NUTSHELL สั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ It’s not what happens to you that determines your happiness. สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดความสุขของคุณ It’s how you think about what happens to you. แต่มันเป็นความคิดของคุณเองต่างหาก ความคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ

Read More

Read More

Read More

GTO คุณครูพันธ์หายาก

เมื่อ 4-5 ปีก่อนนั้น จีทีโอ คุณครูพันธุ์หายาก นั้น ก็จัดว่าเป็นการ์ตูนที่โด่งดังสุดๆในยุคนั้นเลย ถึงขนาดมีละครซีรี่ย์ และ ภาพยนตร์ ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนเรื่องนี้มาฉายในบ้านเรา และก็ได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหลายๆคน ถึงจะขนาดไปเปรียบเทียบกับละครชุดนิสิตนักศึกษาเรื่องหนึ่งของบ้านเราที่ยังฉายไม่จบซะทีว่า ชอบจีทีโอมากกว่า (ทั้งๆที่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย มันคนละสไตล์กัน) และกระแสความดังของเรื่องนี้ ก็ทำให้บรรดาผู้กำกับละคร(จอมมักง่าย)ของบ้านเรา ก็นำพล็อตจากการ์ตูนเรื่องนี้ไปดัดแปลงเป็นของตนเอง และก็โดนกลุ่มนักวิชาการวิจารณ์ในแง่ลบมาแล้วเช่นกัน จีทีโอ นั้น ก็เป็น คำย่อมาจาก Great Teacher Onizuka ซึ่งก็แน่นอนว่า เรื่องนี้ มี คุณครูหนุ่ม โอนิซึกะ เอคิจิ เป็นตัวดำเนินเรื่องนั่นเอง แต่จริงๆแล้ว โดยพื้นฐานเดิมของโอนิซึกะ ก็เคยเป็นนักเรียนนักเลงที่อยู่แก๊งซิ่ง และ เคยปรากฏในผลงานเก่าของ โทรุ ฟูจิซาวะ อย่าง Bad Company และ คู่คนลุยเลอะ แต่พอมาถึงจีทีโอนั้น ก็พบได้เลยว่า ลายเส้นของผู้แต่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจีทีโอนั้น ก็เป็นเรื่องที่ โอนิซึกะ เอคิจิ ในตอนแรกเริ่มนั้น ก็เป็นคนที่ดำเนินชีวิตไปวันๆ ไม่มีจุดหมายในชีวิต แต่ก็มีเหตุการณ์ซึ่งเป็นจุดพลิกผันในชีวิตของเขา เมื่อเขาเห็น อาจารย์คนหนึ่งกำลังเดินใกล้ชิดกับนักเรียนสาวม.ปลายคนหนึ่ง ทำให้โอนิซึกะตัดสินใจที่ทำอาชีพเป็นครู เพื่อหวังจะมีนักเรียนสาวๆมาเป็นแฟน และในที่สุดก็มาลงเอยที่โรงเรียนคิซึโชที่มี อ.เรียวโกะ ซากุไร เป็นผอ. ซึ่งประทับใจท่าทางของโอนิซึกะมาก และเห็นความหวังที่จะให้โอนิซึกะช่วยจัดระเบียบของเหล่าลูกศิษย์ที่มีปัญหาทั้งหลาย และแล้วโอนิซึกะก็ได้เป็นอาจารย์ประจำชั้นของ "อดีต 2/4"(ปัจจุบัน 3/4) ซึ่งรวบรวมแต่เด็กที่มีปัญหา ที่มีปัญหานั้นก็เพราะเหตุการณ์ๆหนึ่งซึ่งทำให้พวกเขานั้นเปลี่ยนไป แถมเด็กเหล่านั้นเป็นเด็กม.ต้น ซึ่งผิดไปจากที่เขาหวังไว้ แล้วโอนิซึกะจะช่วยแก้ปัญหาให้ลูกศิษย์แต่ละคนของเขาได้หรือไม่ สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ และ คิดจะหามาอ่านจริงๆ นั้น ก็ขอให้ทำใจกับสิ่งที่เรื่องนี้ได้นำเสนอไป คืออ่านแล้วอย่าพยายามมองว่า เรื่องนี้มีแต่มุขตลกที่ค่อนข้างจะเจ็บตัว สองแง่สองง่าม รุนแรง เพราะจริงๆแล้วเรื่องนี้ก็ได้ส่องสะท้อนถึงสังคมปัจจุบันของญี่ปุ่นโดยตรง อ่านๆไปก็คล้ายๆกับสภาพสังคมในบ้านเราโดยเฉพาะในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆ ซึ่งมีสิ่งที่คล้ายกันก็คือ ที่เป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่ไม่ค่อยจะมีเวลาดูแลลูก จนต้องต้องหาอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ เพื่อน และเพื่อนนั้นก็มีผลในการดำเนินชีวิตของเรา ถ้าคบเพื่อนที่ไม่ดี อาจทำให้เราต้องมั่วสุมกับยาเสพย์ติด อบายมุขทั้งหลาย หรือบางทีอาจโดนหลอกให้ไปขายตัวหรือถูกกระทำทางเพศ และอีกอย่างสังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมที่มีการแข่งขันสูง จนทำให้คนที่แพ้อาจต้องโดนดูถูก อับอาย หรือเลวร้ายที่สุดก็คือฆ่าตัวตาย ซึ่งในสังคมญี่ปุ่นนั้นมีทั้งหมด และในเมื่อหาใครเป็นที่พึ่งไม่ได้ สิ่งสุดท้ายที่มาเป็นที่พึ่งได้ก็คือคนที่เข้าใจในตัวเราและยอมรับในตัวเรา ซึ่งในเรื่องนี้ก็บ่งบอกไว้ชัดเจนว่า เป็นโอนิซึกะ ซึ่งสามารถเอาเด็กที่มีปัญหาเหล่านั้นได้อยู่หมัด เอาชนะใจเด็กได้ และเด็กๆก็ยอมรับในเขา ในแง่ลายเส้นนั้น ลายเส้นก็ดูดี ให้รายละเอียดดีมาก วาดผู้หญิงได้Xมากๆ ดูแล้วใช่เด็กม.ต้นจริงหรือเปล่า(ฮา) ส่วนพล็อตนั้นก็ทำได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการผูกปมของตัวละคร โดยเฉพาะเหล่าลูกศิษย์เจ้าปัญหาของโอนิซึกะให้เห็นถึง ปม ที่มาที่ไป และ มุมมองปัญหาของลูกศิษย์วัยรุ่นของโอนิซึกะได้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โยชิโตะ คิคุจิ หนุ่มอัจฉริยะสมองกล มุราอิ คุนิโอะ ที่มีคุณแม่ยังสาว โยชิคาวะ โนบุรุ เด็กหนุ่มที่ขาดความกล้า โนมุระ โทโมโกะ หรือ หนูซื่อบื้อที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง และ ชอบทำอะไรผิดพลาดจนน่ารำคาญ คันซากิ อุรุมิ เด็กสาวอัจฉริยะ แต่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณพ่อตัวจริงที่ให้กำเนิดเขา ไอซาวะ มิยาบิ สาวเย็นชาที่คอยหาเรื่องโอนิซึกะ แต่อีกด้าน เขาก็มีปัญหาด้านครอบครัว และ ครูประจำชั้นคนก่อนที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนเธอถูกไล่ออก เป็นต้น และ โอนิซึกะ ก็ใช้วิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใครมาจัดการกับเหล่านักเรียนเจ้าปัญหาให้พวกเขามีความสุข และใช้ชีวิตที่ถูกต้อง นอกจากโอนิซึกะ จะต้องแก้ปัญหากับเหล่านักเรียนของเขา แต่เขาจะต้องแก้ปัญหาให้กับเหล่าอาจารย์คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อ.ฟุยุซึกิ อาซึสะ ที่หน่อมแน้มเกินกว่าจะเป็นครู แถมโดนลูกศิษย์แกล้งบ่อย อ.เทชิงาวาระ ซึงุรุ อาจารย์คณิตศาสตร์ผู้แอบหลงรักอ.ฟุยุซึกิแบบสุดขั้ว แถมมีความหลังฝังใจกับครอบครัวตัวเอง และ อ.อุจิยามาดะ ฮิโรชิ รองอาจารย์ใหญ่ที่เห็นชื่อเสียง และ เรื่องของตนเองดีกว่าส่วนรวม เป็นต้น ตัวเนื้อเรื่องถือว่าทำได้เยี่ยมตรงที่มีการผูกเรื่องให้ชวนติดตามว่า ความลับของแต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร เหตุการณ์ที่ทำให้ห้อง2/4เปลี่ยนแปลงนั้นคืออะไร แล้วโอนิซึกะจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร รวมทั้งมุขตลกที่สอดแทรก เหตุการณ์ที่ทำให้ชวนอมยิ้มด้วยทำให้คลายเครียดได้มาก แม้ว่าหลายมุขนั้นอาจไม่เหมาะสมกับผู้อ่านบางกลุ่ม และฉากสะท้อนสังคมก็ทำได้ไม่มีที่ติ แต่ก็มีจุดผิดพลาดอย่างมหันต์ คือ อ่านมาจนจบ25เล่ม ก็มีอยู่บางจุดที่ผู้แต่งยังไม่ได้เฉลย ปล่อยให้ค้างคา โดยเฉพาะ ปัญหาของ วาคุอิ มายุ แล้วตกลงว่ามายุเขามีปัญหาอะไรกับครอบครัวเหรอ? บอกให้เคลียร์ๆหน่อย และ การ์ตูนเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่มีตัวละครเยอะเหมือนกัน จนทำให้ตัวละครบางตัวที่มีบทเด่นตั้งแต่ช่วงแรกๆนั้น กลับไม่ค่อยมีบทบาทในช่วงหลังๆเลย รวมถึง การกระทำ การแสดงออกของตัวการ์ตูน โดยเฉพาะ การแก้ปัญหาแต่ละอย่างของโอนิซึกะ อาจดูไม่เหมาะสมนักสำหรับคนที่เป็นครู หรือการกระทำบางอย่างที่เกินจริงของตัวละครในเรื่อง เวลาอ่านก็ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยก็จะดีมาก

Read More

Read More

Read More

สมุทรสาคร-มหาสารคาม

google maps


ดู แผนที่จาก google ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า